วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

[OS] My Lingling [Wuxie]

My Lingling

: Fandom :
Daomu Biji (盜墓筆記)

: Rate :
PG

: NOPairing :

: Note :
เป็นฟิค AU ดัดแปลงจากฟิค Likes Cat. อีกทีค่ะ





ตอนเจอกันครั้งแรก 'หลิงหลิง' ก็ไม่เด็กแล้ว

เจ้าแมวพันธุ์ทักซิโด้ ที่มีขนดำขลับเป็นเงาแสนสวยและอุ้งมือเป็นถุงเท้าขาวนิ่มตัวนี้ แท้จริงแล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นแมวเก็บตก


เนื่องจากคุณปู่เลี้ยงหมาไว้หลายตัว ทั้งเลี้ยงไว้ใช้งาน ทั้งเลี้ยงไว้ดูเล่น ก็สมกับฉายาหมาแก่อู๋ล่ะนะ

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมไม่ค่อยชินกับแมว

แหงล่ะ ศัตรูตามธรรมชาติกันเลยน่ะนั่น แถมขนาดตัวพี่ๆที่บ้านก็รุ่นเฮฟวี่เวทกันทั้งนั้น แมวตัวใหญ่ยังไงก็ไม่เกินหมาหรอกนะ หลงมาโดนฟัดตายพอดี

ฉะนั้นพอเจอเจ้าตัวเล็กขนสีดำขลับที่ส่งเสียงร้องหงิงๆ ในกล่องลังตรงตรอกเล็กแคบระหว่างทางกลับร้าน ผมเลยเผลอจ้องซะนานสองนาน

ขนสีเข้มเปียกจนตัวลู่ ตาสีเดียวกับขนนั่นดำสนิท มันเรียวยาวและสวยเหมือนแก้วผลึก คล้ายกับอะไรสักอย่างที่ผมเคยเห็นเชียวล่ะ

รู้ตัวอีกทีก็เก็บกลับร้านซะแล้ว
ร่างในอ้อมแขนผอมเพรียปราดเปรียวและสวยงาม ผมไม่เคยเลี้ยงแมว จริงๆไม่เคยสนใจมาก่อนด้วยซ้ำ เพราะที่บ้านมีแต่หมา

และเพราะอยู่หนาวๆ มานานหรืออะไรสักอย่าง พอเจอตัวคนอุ่นๆ ก็ซุกอ้อน เอาหัวมาไถคลอเคลียกับอกผมซะงั้น
และพอลูบหัวที่ชื้นน้อยๆ ตาเรียวๆ ก็ปรือปิด

สบายอกสบายใจจนน่าอิจฉา
คิดดูแล้วคลับคล้ายคลับคลา เวลามองเจ้าตัวนี้ผมคุ้นตามาก แต่คิดไม่ออกซะทีว่าคุ้นกับอะไร

แมวตัวอื่น? ไม่ใช่แน่ เคยเลี้ยงที่ไหน

ประตูปิดสนิทตอนผมมาถึง หวังเหมิงเลิกงานตรงเวลาเสมอ ไม่เคยขาดหรือเกิน ผมล้วงมือไขกุญแจเข้าร้าน ทุลักทุเลนิดหน่อย แต่พอไหว

ข้างในเงียบเชียบและมืด.... ไม่สิ มีแสงสลัวบางๆ จากห้องถัดไป ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย แต่คิดได้ว่าคงเป็นโคมไฟบนโต๊ะที่เผลอเปิดทิ้งไว้ล่ะมั้ง แล้วเดินเข้าครัวแทน รื้อๆ ดูในตู้เย็นว่ามีอะไรที่แมวน่าจะกินได้บ้าง

ปลา? นม? ความรู้เรื่องแมวผมมีแค่นี้แหละนะ
อู๋เสียนั่งยองๆ กอดเข่า มองเจ้าแมวขนสวยที่รู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาด

ลิ้นสีชมพูเลียแผล่บๆ กับชามที่ใส่นมอย่างเอร็ดอร่อย เพียงครู่เดียวก็หมดสิ้น ดวงตาเรียวยาวสีดำสนิทที่คุ้นซะยิ่งกว่าคุ้น ซึ่งทำให้ผมติดใจจ้องเขม็ง

สีและรูปร่างที่ทำให้นึกถึงแก้วผลึกแสนสวย สามารถมองได้อย่างไม่รู้เบื่อ
หากพริบตาที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวกลมๆนั้น มันก็เผ่นพลิ้วไป

ผมมองค้าง ก่อนถอนหายใจว่าช่างมันเถอะ และลุกขึ้นยืน แสงสว่างที่สลัวเจือจางซึ่งเห็นแว่บแรก ทำให้ต้องเดินไปตามต้นกำเนิด


บานประตูที่เงื้อมไว้ถูกเปิดอย่างแผ่วเบา
ท่ามกลางเสียงเอี๊ยดอ๊าดและแสงไฟอันริบหรี่ ผมเห็นร่างสูง...ผอมบางของใครคนหนึ่งขดตัวอยู่

เสื้อผ้าสีเข้ม ผิวขาวซีด เส้นผมสีดำสนิทที่ปอยผมบางส่วนระลงมาปรกใบหน้า

จางฉี่หลิงดูราวกับกลุ่มก้อนอะไรสักอย่างที่กำลังจำศีลก็ไม่ปาน ใช้คำพูดแบบนี้อาจจะเป็นการดูถูกนายแบบอินเตอร์ที่กำลังมีชื่อเสียงอย่าง ผู้ได้ฉายา 'เจ้าชายยิ้มไม่เป็น' ไม่สักหน่อย

แต่ก็นะ..... ผมชินซะแล้วกับการเฝ้ามองเขาแบบนี้

ขณะที่คิดว่ากำลังจะทำยังไงกับเจ้าตัวดี ระหว่างปลุกไปนอนให้เป็นที่เป็นทางหรือปล่อยไว้เฉยๆ แบบนี้ ขาก็พาร่างตัวเองมายืนคร่อมเหนือร่างสูงเพรียวนั่นซะแล้ว

และวินาทีนั่นเองที่เปลือกตานั่นเปิดพรึ่บขึ้น ดวงตาเรียวยาวลืมขึ้นอย่างรวดเร็ว
สีดำสนิท.... เข้มจัดจนเหมือนแก้วผลึก

อู๋เสียรู้ในตอนนั้นเองว่าคุ้นตาเเมวตัวนั่นเพราะอะไร
ผมสีดำ ตาสีดำเหมือนแก้วที่สะท้อนเพียงความว่างเปล่า แถมพ่วงการไม่ยอมให้แตะต้องเนื้่อตัว ลำพังแค่จะจับมือ ผมยังต้องใช้สกิลเนียน แค่กๆ หาโอกาสเหมาะในการจับมือเรียวยาวคู่นั้นเลย

นายแบบหนุ่มผู้ไม่เคยยิ้ม
คนตรงหน้าเหมือนเเมวดำตัวนั้นไม่มีผิด





....หลังจากนั้นเพียงไม่นาน....

ดูเหมือนว่าร้านผมจะเป็นที่พักพิงใหม่ของเจ้าแมวแสนสวยนั่นเสียแล้ว ถึงจะไม่ขนาดว่าแวะมาทุกวัน แต่ในหนึ่งสัปดาห์จะมีกลุ่มก้อนสีดำปนขาวหนึ่งตัว มาแอบอาศัยนอนอยู่ในซอกมุมของร้านเสมอ จนผมเคยชินไปเสียแล้วกับการเห็นเจ้านี้ ถึงขั้นไปศึกษาการเลี้ยงแมวอย่างจริงจังและมีอาหารเม็ด อาหารเปียกชั้นดีไว้คอยท่าบริการ

เล่นเอานายอ้วนที่แวะมาเยี่ยมเยียนแซวว่า 'เทียนเจิ่นเป็นทาสแมวไปเสียแล้ว'

ผมส่ายหน้า เป็นเชิงปฏิเสธว่าไม่ถึงขนาดนั้น แม้จะแอบตั้งชื่อเรียกมันไว้ในใจว่า 'หลิงหลิง' ก็ตามที

.....แต่ไม่เคยเรียกสักครั้งหรอกนะ....

จนกระทั่งอาทิตย์หนึ่ง 'หลิงหลิง' หายไป..... ไม่ใช่หายไปจากร้าน เพราะไม่เคยอยู่มาตั้งแต่แรก แต่หายไปจากชีวิตผมราวกับไม่เคยแวะเวียนมา

ไม่มีเสียงครางหงิงๆ ขออาหาร
ไม่มีเสียงแกร่กๆ ของเล็บที่ลับกับขาโต๊ะในห้องครัว หรืออุ้งเท้าที่กระโดดปีนเข้ามาทางหน้าต่าง

ไม่มีเลย.... แม้แต่เงาสีดำสนิทของเจ้าตัว

บอกตามตรงว่าผมใจหาย เหมือนอะไรสักอย่างหล่นร่วงจากมือไป

นายอ้วนตบบ่าผมหนักๆ ก่อนจะเอ่ยปลอบว่ามันคงไปติดสัดที่ไหนหรือย้ายถิ่นไปแล้ว ตามประสาแมวพเนจรที่อยู่ไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง

หากลางสังหรณ์ในอกข้างซ้ายร้องเตือนว่า มันไม่ใช่แบบนั้น..... ผมเป็นห่วงจนนั่งไม่ติดร้าน ไปเดินหามันซะทั่วเมืองก็ไม่พบเจอ

จะว่าไป... ผมยังไม่เคยย้อนกลับไปที่ตรอกที่เจอ 'หลิงหลิง' ครั้งแรกเลยนี่นะ


แล้วผมก็ได้พบร่างที่ตามหามาเสียหลายวัน

ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำจนเห็นเพียงภาพรางเลือน หยดน้ำไหลผ่านร่างที่ทอดนิ่งไม่ไหวติง เลือดสีเข้มเจือจางกลายเป็นสีแดงอ่อน

มือเท้าเย็น ชาไปทั่งร่าง
กลัวจนมือสั่นเป็นยังไง ผมได้รู้ในนาทีนั้นนั่นเอง


ผมทรุดลง บาดแผลทั่วตัว... เลือดออกเยอะมาก จนผมวางมือแทบไม่ถูกกลัวจะทำให้ 'หลิงหลิง' เจ็บมากกว่าเดิม แต่ก็ไม่อยากตัดใจ จึงตัดสินใจจะค่อยๆ ประคองร่างนั้นไว้แนบอก ยังเต้นอยู่... ถึงจะอ่อนแรงมาก หัวใจก็ยังเต้นอยู่ ลมหายใจที่แผ่วเบานี้ด้วย


ปกติผมจะเป็นคนใส่ใจต่อกฎระเบียบการจราจรมาก แต่ในวันนั้นอย่าว่าแต่คันเร่งที่เหยียบไปจนมิด กี่แยกกี่ไฟแดงผมฝ่าแม่งหมด! กลัวว่าช้าไปสักนาทีหรือวินาทีเดียว สิ่งมีชีวิตบนเบาะที่ถูกช่วยไว้ได้จะสิ้นลมไปเสียก่อน



เงี๊ยว......
เสียงครวญน้อยๆ ในลำคอดึงสติผมกลับสู่สถานการณ์ปัจจุบัน ที่ตัวเองกำลังนอนซุกพุงกะทิของ 'หลิงหลิง' สุดที่รักอย่างสบายอารมณ์ ผิวเนื้ออุ่นกับขนนุ่มสลวยนี่ราวกับหมอนชั้นดี ทำงานมาเหนื่อยๆ นอนซบร่างนุ่มนิ่มนี้แล้วค่อยๆ ใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปตามแนวร่างปราดเปรียวก็แทบขึ้นสวรรค์ได้แล้ว

"ฉันนอนนานไปเหรอ? หลิงหลิง"

ผมผงกศีรษะขึ้นมา เมื่ออุ้งเท้านุ่มสีชมพูอ่อนนั่นฟาดแปะๆ ลงมาบนหัวผม ไม่หนักไปหรือเบาไป แต่พอให้ตื่นได้เต็มตาพอดู

ดวงตาสีดำขลับหรี่มองราวกับจะเตือนถึงสิ่งที่ลืมเลือนไป และด้วยดวงตาคู่นี้ละม้ายคล้ายกับใครคนหนึ่งจนแทบจะเป็นพิมพ์เดียว ทำเอาผมแทบเด้งลุกขึ้นมายืนสองขาตัวตรงแน่วแทบไม่ทัน!

ชิบหายแล้ว! เสี่ยวหลิงกลับหังโจววันนี้นี่หว่า!!

สิ่งมีชีวิตสี่ขาตัวเดียวในบ้านเหยียดกายยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย ก่อนจะเปรยตามองมนุษย์ที่ให้การดูแล(และต้องการการดูแล) คว้าของที่เป็นพวงๆ ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งกระทบกัน วิ่งกระหืดกระหอบออกจากบ้านไป

หางยาวๆ แกว่งไกวไปมาเล็กน้อยตามจังหวะย่างเท้า



....คงไปทันล่ะนะ........




Fin.


เขียนจากการยุยงของเพื่อนค่ะ

ส่วนตัวเลี้ยงแมวไว้ที่บ้านสองตัว เป็นทาสแมวไปแล้วอย่างจำยอม เลยถือโอกาสเอาฟิคเก่ามาดัดแปลงเล็กน้อย แล้วก็เสริมเพิ่มเติมไป จนมากลายเป็นฟิคนี้ค่ะ 55555555+







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น