盗墓笔记 - Sense - [ABO Dynamics]
: Fandom :
Daomu Biji (盜墓筆記)
: Genre :
AU , Omegaverse [Alpha/Beta/Omega Dynamics]
: Rate :
R
: Pairing :
51
吴老狗 x 张启山
อู๋เหลาโก่ว x จางฉี่ซาน
: Note :
เป็นลักษณะวงจรความสัมพันธ์ของพวกหมาป่าที่จะมีจ่าฝูง ตัวเมีย ลูกฝูง อยู่ในกลุ่มสังคมค่ะ ในไทยไม่ค่อยนิยมงานแนวนี้เท่าไหร่ แฟนฟิคชั่นภาษาต่างประเทศจะมีเยอะกว่า
**แนวเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความนิยมเฉพาะกลุ่มนะคะ**
*ก็อปคำอธิบายมาจากสหายหมีอย่างหน้าด้านค่ะ ฮา*
แปลก....
ไม่บ่อยครั้งนักที่สัญชาตญาณในส่วนลึกจะร้องเตือนเช่นนี้ แต่สำหรับความรู้สึกราวกับมีผู้เฝ้ามองอยู่ตลอดเวลาที่รุนแรงขึ้นทุกเมื่อเชื่อวันนี้ ทำให้จางฉี่ซานไม่อาจหยุดความนึกคิดที่ปั่นป่วนได้เลยแม้แต่น้อย
ยิ่งความรู้สึกกระสับกระส่าย.... ร้อนรุ่มราวกับมีเพลิงค่อยๆ สุมอยู่ภายใต้ผิวเนื้อหนัง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ปรารถนาเลยแม้แต่น้อยกำลังลามเลียร่างกายนี้อีก เพียงแค่เพราะตัวตนที่ถือกำเนิดมานี้ไม่อาจต่อต้านสัญชาตญาณดังเดิมที่มีได้เลย
คงเริ่มมาจากวันนั้น ในงานเลี้ยงน้ำชาที่บ้านเอ้อร์เย่ว์หง
ค่ำคืนที่ดวงจันทร์เพ็ญสาดแสงเต็มที ดอกไม้กลางคืนในสวนกรุ่นกลิ่นหอมกำจายไปทั่วบริเวณ มากมายเพียงพอที่จะกลบกลิ่นดับไอของเขาและแขกอีกผู้หนึ่งของเจ้าบ้านได้
แม้จะเป็นการหวาดระแวงมากเกินไป แต่เมื่อทั้งเขาและปั้นเจี่ยหลี่ได้ตกลงปลงใจว่าจะทำเช่นนี้ สองจากในสามเสียงก็เป็นฝ่ายชนะไป เสริมด้วยเหตุผลที่ว่า รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งใกล้ช่วงเวลา 'นั้น' เขาทั้งคู่ยิ่งอยู่ในอันตราย แต่ก็ยังเปิดโต๊ะประชุมให้วุ่นวายอีก
'ทั้งเจ้าทั้งท่านหลี่ ล้วนปิดค่ายปิดเรือนในวันเวลาเดิม ไม่พบปะผู้คน ไม่ค้าขาย หลายปีมานี้ ใครต่างก็สงสัย ที่เก็บงำไม่เอ่ยคำ ด้วยเกรงใจอำนาจบารมี เราสามคน -สกุลบน- ก็จริงอยู่ แต่หากมีใครขุดคุ้ยขึ้นมา ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องดีมิใช่เหรอ?'
จางฉี่ซานถอนหายใจในคำกล่าวของสหาย และผู้ได้ฉายา 'เฒ่าไม้เท้าแดง' ก็เช่นกัน
คนเรามักมีความลับที่ไม่อาจให้ใครล่วงรู้ได้เรื่องสองเรื่องด้วยกันทั้งนั้น เขาเองก็เช่นกัน
บ้านสกุล 'จาง' นั่นกล่าวได้ว่าเป็นบ้านที่ให้กำเนิด 'โอเมก้า' อันล้ำค่าได้เป็นจำนวนมาก ซ้ำยังเปี่ยมด้วยคุณภาพทั้งรูปโฉมและกลิ่นอาย ใบหน้างดงามพริ้มเพรา น่ารักน่าเอ็นดู ฟีโรโมนพลุ่งพล่าน ความสามารถอื่นใดนอกเหนือจากเรื่องบนเตียงก็ล้วนเก่งกาจ ด้วยร่างกายที่แข็งแรงและสติปัญญาเลิศล้ำ จึงได้ใช้ประโยชน์เหล่านี้ผูกสัมพันธ์กับตระกูลใหญ่และผู้มีอำนาจมากมาย
โอเมก้านั่นหายากนัก ไม่ว่าจะเป็นโอเมก้าเพศชายหรือเพศหญิง
หากมีมิตรย่อมมีศัตรู ด้วยสถานการณ์ที่วุ่นวายของการเปลี่ยนถ่ายขั้วอำนาจในแดนเหนือ บิดาเขาจึงได้ตัดสินใจส่งครอบครัวหญิงลงใต้ก่อน แล้วรั้งรอกับเขาและพรรคพวกอีกจำนวนหนึ่งเพื่อจัดเตรียมข้าวของและเก็บกวาดพื้นที่ แต่ไหนเลยจะทันพวกที่ซุ่มรอฉวยโอกาสเข้าทำร้าย แม้นบิดาเขาพลีชีพ สละตนเพื่อให้เขาและลูกน้องที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือหนีไปก็ไม่อาจพ้น
ตกอยู่ภายใต้อำนาจตระกูลใหญ่ วันคืนที่ราวกับนรกบนดิน ตายเสียยังดีกว่าอยู่
สูญสิ้นซึ่งศักดิ์ศรีและอิสระภาพ ถูกทำตราประทับฝังคมเขี้ยวลงมาบนเรือนกายไม่ต่างจากสิ่งของ ถูกตักตวงช่วงใช้จากเรือนร่างยิ่งกว่าของเล่นมีชีวิต
เนิ่นนานนักกว่าจะอาศัยช่องว่างของการเปลี่ยนผลัดผู้คนและเชลยที่ถูกจับมากลุ่มใหญ่หลบหนีออกมาได้
จางฉี่ซานรวบรวมสมัครพรรคพวกที่แตกกระสานซ่านเซ็นให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว สร้างสมอำนาจ จนจัดการหนามยอกอกที่ทิ่มแทงและฝังอดีตไว้เบื้องหลังได้ตลอดกาล
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาเป็นโอเมก้าที่เคยถูกประทับตราจากอัลฟ่าทั้งสิ้น
หากแต่ธรรมชาติก็มิได้ปรานีผู้ที่อ่อนแอกว่าในห่วงโซ่นี้แม้แต่น้อย กฎเกณฑ์ธรรมชาติล้วนจีรัง ผู้เข้มแข็งรอด อ่อนแอตาย นอกจากยอมสยบศิโรราบแล้วไม่มีทางเลือกอื่นใด
เวลา 'นั้น' คือช่วงที่อันตรายที่สุด
ช่วงเวลาที่ร่างกายเกิดอาการ 'ฮีท' กลิ่นอายและฟีโรโมนจะค่อยๆ เริ่มปรากฏออกมา เชิญชวนอัลฟ่าให้ออกตามล่าเพื่อผสมพันธุ์ วงจรนี้ความถี่และระยะเวลาขึ้นอยู่กับวัยและความพร้อมของร่างกาย ในระยะแรกที่ยังเยาว์วัยนั่น เขาต้องหลบลี้เข้าสู่ป่าเขา ในถ้ำที่มิดชิดและปลอดภัยซึ่งเตรียมไว้ ขังตัวเองในนั้น ไม่ให้ฟีโรโมนเรียกใครต่อใครมากลุ้มรุมตนเอง แต่เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป ด้วยวัยที่เพิ่มมากขึ้น ร่างกายจะเสื่อมความสามารถในการสืบพันธุ์นี้ และค่อยๆ ปรับตัวกลายเป็นเพียงเบต้าธรรมดาทั่วไป ไร้กลิ่นไอเชิญชวนให้เข้าหา ไม่ต้องหลบซ่อนอีก
เกือบสามสิบปีที่ต้องอยู่อย่างหวั่นเกรง นับจากนี้ไปจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว
"ข้ามาช้างั้นเหรอ?"
ใบหน้ายิ้มแย้มดูไร้พิษสงเยี่ยมหน้าเข้ามา หลังจากส่งเสียงมาก่อนตัว พลางเชื้อเชิญให้สหายที่เดินเคียงนั่งลงข้างกัน ด้วยโต๊ะในศาลากลางสวนนี้เป็นโต๊ะทรงกลม ยามเมื่อคนผู้นั้นทรุดลงเรียบร้อยกับเก้าอี้แล้ว จึงได้ประสานสายตากับเขาที่พิจารณาเจ้าตัวอยู่แล้วเข้าพอดี
คนหนุ่มคลี่รอยยิ้มจริงใจออกมาก่อนเอ่ยแนะนำตัว ตามด้วยอีกผู้หนึ่งที่นิ่งเงียบกว่า บทสนทนาต่อไปจึงเป็นหน้าที่ของเจ้าของบ้านอย่างเอ้อร์เย่ว์หง
อู๋เหลาโก่วและเซี่ยจิ่วเย๋
ชายหนุ่มวัยต้นยี่สิบเบื้องหน้าทั้งคู่นั่น มีชื่อเสียงพอตัวในฐานะคนหนุ่มผู้มีความสามารถบุกฝ่าและก่อร่างสร้างฐานอำนาจให้แก่คนเองได้ตั้งแต่ในชั่วอายุตนเอง ทักษะอันไม่ธรรมดาและการคิดคำนวณอันลึกล้ำ ประกอบกับเชื้อสายที่ถึงไม่แน่ชัด แต่กลิ่นอายที่กดดันและชัดเจนเสียถึงขนาดนี้ เป็นหลักฐานอย่างดีว่าตรงหน้านี้หาใช่ชนชั้นธรรมดาทั่วไป แต่เป็นเผ่าพันธุ์นักล่า 'อัลฟ่า' ด้วยเลือดอันเข้มข้นจากต้นตระกูลเลยทีเดียว
สัญชาตญาณระแวดระวังร้องเตือนขึ้นดังจนแสบหู แต่ด้วยกาลเวลาได้หล่อหลอมกายและใจมายาวนาน ประสบการณ์บ่มเพาะให้กิริยาอาการล้วนนิ่งสงบได้ ภายนอกนั้นแสดงออกเพียงแค่หรี่ตาจ้องมองเจ้าหนุ่มที่ยิ้มระรื่นเบื้องหน้า และเบือนสายตาคาดโทษไปยังสหายสนิทแทน
เอ้อร์เย่ว์หงลอยหน้าลอยตา ไร้อาการสำนึกผิดโดยสิ้นเขิง แต่ไหนแต่ไรก็ดิ้นเป็นปลาไหลอยู่แล้ว ถึงจะนับถือกันเป็นสหายสนิท แต่อย่างไรตัวเขาที่ด้อยกว่าตามธรรมชาติ เจ้าตัวก็มักถือโอกาสเย้าเล่นด้วยความสนุกสนานอยู่ดี
ครั้งนี้... ออกจะเป็นการ 'เล่น' ที่อันตรายต่อสวัสดิภาพเขาอยู่มากก็ตามที
หากแต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ไม่เพียงแค่ลูกน้องที่ภักดีพร้อมสละตนปกป้องและพลีกายให้ใช้งาน ตัวเขาที่ฝึกฝนตนเองอย่างสม่ำเสมอก็มิใช่ผู้ง่อยเปลี้ยให้ใครข่มเหงรังแกได้โดยง่ายดาย
นัยน์ตาเรียวยาวสบกับดวงตาสีเข้มของร่างเพรียวในชุดฉางซาน เช่นเดียวกับเขา ปั้นเจี่ยหลี่เองก็หาได้เป็นลูกไก่ในกำมือเช่นเผ่าพันธุ์ไม่
ในชั่วขณะหนึ่งนั้นจางฉี่ซานได้ลืมเลือนกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติอีกอย่างหนึ่งไปโดยไม่ทันเฉลียวใจ เนื่องด้วยเก็บตัวมายาวนานและไม่ให้อัลฟ่าคนใดเข้าใกล้ชิดได้นอกจากเอ้อร์เย่วืหง จึงได้ไม่ทันฉุกใจคิดว่ายามที่อัลฟ่านั้นเข้าใกล้มากเพียงไร ช่วงระยะเวลาการ ‘ฮีท’ ที่มีแต่เดิมจะถูกเร่งเร้าให้ไวขึ้นเท่านั้น
“ดอกไม้ในสวนบ้านท่านอาจารย์เย่ว์หงนั้นกลิ่นหอมรื่นชื่นใจดีแท้”
เจ้าบ้านและเพื่อนสนิทข้างตัวเหล่มองคนพูดด้วยแววตาประหลาด ตัวเขาในตอนนั้นไม่อาจล่วงรู้ความนัยของประโยชน์นั้นเลยสักนิด
ความจริงที่ได้รับรู้ในภายหลังนั้นเล่นงานเขาแทบกระอั่กเลยทีเดียว
ราชาสุนัข ‘อู๋เหลาโก่ว’ นั่นสูญเสียประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นไปหลายปีแล้ว ดอกไม้หอมที่เจ้าตัวเอ่ยถึงหาใช่บุปฝางามในสวนสวยไม่
แต่เป็นกลิ่นอายของ -เหยื่อ- ที่เจ้าตัวหมายใจว่าจะร้อยรัดมาเป็นของตนตั้งหาก
ฉะนั้นยามเมื่ออาการฮีทเริ่มปรากฏจนฟีโรโมนและกลิ่นอายออกมาเร็วกว่ากำหนด ตัวเขาที่ยังไม่ได้เฉลียวใจ จึงพลาดสังเกตปฏิกิริยาของผู้ใต้บังคับบัญชาไป ถึงส่วนมากคนในบัญชาเขานั้นจะเป็น ‘โอเมก้า’ ที่รวบรวมมาเกาะกลุ่มเพื่อหมุนเวียนปกป้องกันและกัน แต่งานบางอย่างเสี่ยงเกินไปที่จะให้ตัวตนที่เป็นรองทางธรรมชาติเช่นพวกเขากระทำ จึงมีบางส่วนในหมู่คนงานเหล่านี้ที่เป็น ‘เบต้า’
คำสั่งปิดเรือนใหญ่และขับไล่คนรับใช้ออกจากพื้นที่จึงเป็นไปอย่างกะทันหันมากทีเดียว อาการ 'ฮีท' ได้เข้าถึงช่วงที่เพิ่มสูงขึ้นที่สุดไปเสียแล้ว
จางฉี่ซานหอบหายใจหนักด้วยอุณหภูมิแล่นพล่านทั่วร่างอย่างหนักหน่วง หยดเหงื่อไหลตามขมับและเลื่อนไหลไปตามผิวกาย สมองต้องเพียรรักษาสติที่เริ่มวูบหาย และความชื้นเฉะเหนียวเหนอะจากส่วนลึกในกายที่หลั่งรินออกมาจากท่อนล่าง พาลให้ขาอ่อนยวบจนทรงตัวแทบไม่อยู่
เสียงข้าวของล้มระเนระนาดดังสนั่น แต่ไร้เงาร่างคนรับใช้ที่พลุกพล่านเช่นเคย มีเพียงเขาที่ประคองร่างกายอันซวนเซ ฟังเสียงเครื่องเคลือบและแจกันที่แตกกระจายเพียง...ลำพัง
ร่างกายกำลังฟ้องถึงธรรมชาติที่กำเนิดมา และประโยชน์แท้จริงซึ่งทำให้ 'โอเมก้า' นั่นเป็นสิ่งล้ำค่า พวกตนสามารถให้กำเนิดชีวิตใหม่ได้ม้รูปลักษณ์ภายนอกจะเป็นเช่นไร ชายหรือหญิงก็ตาม ในการสืบพันธุ์ที่แปลกประหลาและลึกลับนี้ ร่างกายของพวกเขาถูกสร้างขึ้นให้สามารถตั้งครรภ์ได้
"โอ๊ะ.... อาการฮีทเริ่มแล้วนี่ครับ เร็วกว่าที่รู้มาซะอีก"
เสียงทุ้มนุ่มเจือความเริงรื่นพรอดกระซิบ กลิ่นไอของ 'อัลฟ่า' ฟุ้งกระจายจนเขาแทบสำลัก ปลายนิ้วที่แตะลงบนผิวแก้มชื้นเหงื่อราวกับประจุไฟฟ้าที่แล่นเข้าสู่ร่างกายให้สั่นสะท้าน
"อย่างที่คิดจริงๆ ด้วย"
รอยยิ้มจริงใจราวกับเด็กน้อยใสซื่อวาดขึ้นบนใบหน้าหมดจดดูไร้เดียงสา
สติดับวูบลงไปในชั่วขณะหนึ่ง รู้ตัวอีกทีจางฉี่ซานก็พบว่าตัวเองอยู่บนเตียงในห้องของตนเรียบร้อยแล้ว และเมื่อลืมตาขึ้นเต็มที่ ใบหน้าแป้นแล้นของ -แขกไม่ได้รับเชิญ- ก็ลอยหน้าลอยตาคลอเคลียอยู่ไม่ห่างไกล
เจ้าตัวใช้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์กดดันจนไม่อาจต่อต้าน ในภาวะร่างกายเช่นนี้..... ธรรมชาติของ -โอเมก้า- จะเรียกร้องการเติมเต็มจาก -อัลฟ่า- อยู่แล้ว ยิ่งเป็น -อัลฟ่า- หนุ่มในวัยเจริญพันธุ์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ กลิ่นอายที่จงใจปล่อยออกมาเป็นยิ่งกว่ายากล่อมประสาทให้เคลิบเคลิ้มมัวเมา
คนอายุมากกว่ากัดฟันกรอด
"ต้องการ.... อะไร"
ดวงตาเรียวยาวที่คมกริบดุจใบมีดสั่นไหว.... กึ่งๆ จะเลื่อนลอย ปราศจากซึ่งความน่าเกรงขามโดยปกติสิ้น พลังใจและทิฐิเท่านั้นที่ยังดึงรั้งสติเขาไม่ให้ซวนซบลงตอนนี้ ถึงแม้จะรู้แก่ใจว่าจะยื้อต่อไปได้อีกไม่นานก็ตามที
ปลายนิ้วที่เคยเอื้อมแตะผิวแก้มเลื่อนลงต่ำไปตามแนวสันกรามของใบหน้าได้รูปเหมาะเจาะ ซึ่งแม้วัยและเวลาอันล่วงเลยจะทำให้ความงดงามเช่นที่เคยมีหายไป แต่เสน่ห์อันเย้ายวนของโอเมก้าหาได้จางหายไม่แต่อย่างใด
จมูกเขาสูญเสียการรับรู้ถึงกลิ่นทั่วไปนานหลายปีแล้ว แต่กับกลิ่นอายอันหอมหวาน เชิญชวนให้ไขว่คว้ากลับรุนแรงเสียจนแทบจะอดใจไว้ไม่อยู่เมื่อแรกเจอ
อัลฟ่าทั่วไปมักใช้กลิ่นตัวเองมอมเมาให้อีกฝ่ายอ่อนระทวยแต่โดยดี และยอมตกอยู่ใต้ร่างอย่างไร้การขัดขืน แต่กับผู้ที่มีดวงตาสีนิลกร้าวแกร่งสวยงามเช่นนี้ ตัวเขาเห็นว่าวิธีเช่นนั้นดูจะง่ายดายและไม่รื่นรมย์เท่าที่ควรเอาซะเลย
คนอายุมากกว่าใช้แรงเฮือกสุดท้ายขืนตัวหนีเงื้อมมือที่เอื้อมมาหาอย่างสุดกำลัง แต่ทำได้เพียงถอยร่นไปจนมุมยังพนักหัวเตียงอันคุ้นเคยแทน
"ต่อให้เป็นโอเมก้า.... แต่อายุขนาดนั้นแทบจะสืบพันธุ์ไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ"
เสียงหอบพร่า ฟังแทบไม่เป็นคำท้วงถาม
"แล้วไงครับ?"
แต่สิ่งที่ตอบกลับมาเป็นรอยยิ้มจริงใจบนใบหน้าใสซื่อราวกับไร้พิษสงเช่นเดิม จางฉี่ซานไม่เคยนิยมความรุนแรง แต่นาทีนี้เขากลับนึกอยากประทับฝ่าเท้าบนใบหน้านั้นให้สาสมที่สุด!!
"เรื่องนั้นน่าเสียดายอยู่เหมือนกัน แต่ตัวผมนั้นรักสุนัขมากกว่าคนอยู่แล้ว ไม่มีลูกก็ไม่ได้หนักหนาอะไร"
หยาดหยดเหนียวหนืดที่หลั่งไหลจากส่วนลึกในร่าง ซึมชื้นออกมาจนเปรอะเปื้อนผืนผ้าด้านล่างเป็นด่างดวง พร้อมกับความรู้สึกของกลิ่นหวานหอมที่ดันขึ้นมาแสบลำคอและจมูกจนแทบสำลัก เครื่องแบบหนาหนักของทหารที่สวมใส่มิดชิดหลายชั้นก่อเกิดความร้อนรุ่มเจียนขาดใจ ยิ่งขยับหนีห่าง เนื้อผ้ายิ่งเสียดสีกับผิวกายมากขึ้น ริมฝีปากเม้มแน่นข่มกลั้นเสียงครางเครือที่จะหลุดรอดออกมา เวลาที่แย่ที่สุด ใกล้เข้ามาทุกที
มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว.... นานแสนนานจนเขาแทบจะลืมเลือนไปแล้ว ไม่สิ มันยังคงหลงเหลือเป็นแผลเป็นบนตัวเขาจนถึงตอนนี้ และท่ามกลางกลิ่นของอัลฟ่าที่อบอวลอยู่รายรอบตัวนี้ กระตุ้นเร้า ปลุกความทรงจำเก่าเก็บนั้นให้ตื่นขึ้นมา
"อา... รอยประทับนี้"
น้ำเสียงนั้นแสดงความเสียดายอย่างไม่ปิดบัง
ยามที่ร่างถูกกระชากเข้าไปจนชิดกับแผ่นอกอีกฝ่าย ลมหายใจอุ่นร้อน ตามติดด้วยคมเขี้ยวลากผ่านตราประทับที่เคยมี.... มันอ่อนจางและไม่เคยมีผู้ใดได้เห็นมาก่อน
“แต่ไม่เป็นไร…. ผมจะประทับมันลงไปใหม่เอง”
แม้อยากผลักไสให้ไกลห่างเพียงใด แต่ร่างกายไม่อาจต่อต้านหรือดิ้นรนได้เลย เมื่อสติค่อยๆ จมดิ่งลงตามสัญชาตญาณที่ฉุดรั้ง ในห้วงนึกคิดที่พร่าเลือน ความรู้สึกเจ็บปวดของคมเขี้ยวที่ถูกกัดย้ำซ้ำไป...ซ้ำมาบนหลังคอนั้น ทำให้ไม่อาจเก็บกลั้นเสียงในลำคอได้อีกต่อไป
เสียงร้องหอบโหยและแหดแห้งด้วยความรวดร้าวดังสะท้อนในห้องอย่างเงียบงัน
ใต้แสงเทียนที่วูบไหว... ริมฝีปากที่ชื้นเปียกด้วยน้ำลายและเลือดไล้เลียผิวเนื้อราวหิวกระหาย สัมผัสร้อนเร่านั้นระเรื่อยต่ำลงมา ตามด้วยร่างของเขาที่ถูกกดจมหายไปกับฟูกนุ่ม
ฝ่ามือที่ปะป่ายไปอย่างไร้จุดหมายถูกจับรวบประสานไว้อย่างแน่นหนา ทั้งร่างกายที่ทาบทับโอบกอดลงมาราวกับกลัวจะหนีหาย
.....สิ่งสุดท้ายที่จดจำได้คือร่างกายที่โดนชำแรกแทรกเข้ามาอย่างจาบจ้วงและบดเบียดลงมาถือครองเท่านั้นเอง.....
อิสรภาพที่เคยไขว่คว้ามาได้หลุดลอยออกไป
เขาวิ่งหนีมาเนิ่นนาน...
อีกนิดเดียว... อีกเพียงนิดเดียว ก็จะได้ออกไปสัมผัสแสงที่ปลายอุโมงค์นั้นแล้ว
หากมือมืดที่ไม่รู้คืบคลานมาถึงตัวตั้งแต่เมื่อไหร่กลับฉุดกระชากสองขาที่ก้าวออกไปให้จมลงสู่ความมืดมิดอีกครา
Fin.
เรียกได้ว่าเป็นการแต่งแล้วแลกกันอ่านกับเพื่อนมากกว่าการเผยแพร่โดยแท้ค่ะ 555555555+
เราชอบธีมโอเมก้าเวิร์สตรงความเอโร่ยที่มาพร้อมดราม่า แต่ในขณะเดียวกันก็มีความโรแมนติดของเรื่องคู่ลิขิต(SoulBond)
แม้ว่าคู่เมนจะทำให้เอโร่ยปนเสื่อมมากกว่าก็ตาม ฮา
เดิมที่ซีรีส์นี้แต่งเสียผิงก่อนค่ะ แต่ปู่อู๋ดันแซงทางโค้งออกมาสำเร็จเสร็จสิ้นก่อนได้ เรื่องนี้รุ่นปู่ของเขาแรงจริงๆ ค่ะ XD
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น